Manchester United - แมนฯยู
Manchester United - แมนฯยู ( ประวัติทีมแมนฯยู )
แมนฯยู ก่อตั้งเมื่อ : 1878
เข้าร่วมลีก : 1892
ชื่อเดิม : Newton Heath
นิกเนม : Red Devils
ที่ตั้งของทีม แมนฯยู : Sir Matt Busby Way Old Trafford M16 ORA
เบอร์โทรศัพท์ : 0161-868-8000
ประธานสโมสร : โจเอล เกลเซอร์, เดวิด กิลล์
ผู้จัดการทีม : เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ผู้ช่วยผู้จัดการทีม : ไมค์ ฟีแลน
สนาม : โอลด์ แทร็ฟ ฟอร์ด ( เริ่มใช้ 1910 )
ความจุ : 76,212 คน
ขนาดสนาม : 116 หลา x 76 หลา
สนามเดิมของทีม แมนฯยู : North Road (1880-93), Bank Street (1893-1910), Maine Road (1941-45)
ผู้ชมสูงสุด : 75,595 คน แมนฯยู พบ อาร์เซน่อล ( 17/09/2006 )
สถิติชนะสูงที่สุด : 10-0 แมนฯยู พบ อันเดอร์เลชท์, ยูโรเปี้ยน คัพ รอบคัดเลือก ( 26/10/1956 )
สถิติแพ้สูงที่สุด : 0-7 แมนฯยู พบ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, ดิวิชั่น 1 ( 10/04/1926 ),
0-7 แมนฯยู พบ แอสตัน วิลล่า, ดิวิชั่น 1 ( 27/12/1930 ),
0-7 แมนฯยู พบ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส, ดิวิชั่น 2 ( 26/12/1931 )
สถิติขายนักเตะแพงที่สุด : 25 ล้านปอนด์ เดวิด เบ็คแฮม ไป รีล มาดริด ( ก.ค. 2003 )
สถิติซื้อนักเตะแพงที่สุด : 29.1 ล้านปอนด์ ริโอ เฟอร์ดินานด์ จาก ลีดส์ ยูไนเต็ด ( ก.ค. 2001 )
เกียรติประวัติสโมสร ( แมนฯยู )
แชมป์พรีเมียร์ชิพ : 1992-93, 1993-94, 1995-96, 1996-97, 1998-99, 1999-00, 1993-94, 1995-96, 1996-97, 1998-99, 1999-00, 2000-01, 2002-03, 2006-07, 2007-08
แชมป์ดิวิชั่น 1 (เดิม) : 1907-02, 1910-11, 1951-52, 1955-56, 1956-57, 1964-65, 1966-67
แชมป์เอฟเอ คัพ : 1909, 1948, 1963, 1977, 1983, 1985, 1990, 1994, 1996, 1999, 2004
แชมป์ลีก คัพ : 1992, 2006
แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ : 1968, 1999, 2008
แชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ : 1991
แชมป์ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ : 1991
ประวัติของเบียร์
พบว่ามีการผลิตเบียร์มานานแล้ว โดยค้นพบบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับแคว้นเมโสโปเตเมีย ราว ๒,๘๐๐ ปี ก่อนคริสต์ศักราช มีการพูดถึง การแบ่งปันเบียร์และขนมปังให้กับผู้ใช้แรงงานในสมัยนั้น สมัยอียิปต์โบราณก็พบว่า มีการผลิตเบียร์และนิยมดื่มเบียร์กันอย่างกว้างขวาง ในดินแดนของชาวอินเดียแดง ทวีปอเมริกาใต้ ก่อนที่ชาวฝรั่งผิวขาวจะเข้ามายึดครอง พบว่าชาวอินเดียนแดงรู้จักผลิตสุราโดยใช้แป้งข้าวโพดมาทำเป็นส่าหมัก
ประวัติศาสตร์ของเบียร์ยุคใหม่ เริ่มที่ประเทศเยอรมัน โดยชาวเยอรมันโบราณเป็นผู้คิดค้นทำเบียร์ขึ้นในแคว้นบาวาเรีย โดยไม่ได้ลอกเลียนแบบการทำเบียร์จากชาติใดๆ โดยชาวเยอรมันทำจากข้าวมอลต์ ยุคนั้นเรียกว่า Peor หรือ Bior จนเพี้ยนมาเป็นคำว่า Beer เครื่องดื่ม Bior นี้ มีรสเปรี้ยวอมหวานและใช้บริโภคเป็นอาหารประจำวัน ส่วนใหญ่ผู้ผลิตเบียร์ในสมัยนั้นได้แก่พระ ที่ต้องการชักจูงให้ผู้คนนับถือศาสนาคริสต์ โดยใช้แจกจ่ายให้แก่ผู้ที่มาร่วมงานทางศาสนา
ประวัติของเบียร์ในประเทศไทย
ประเทศไทยเริ่มมีการผลิตเบียร์ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระยาภิรมย์ภักดี (บุญรอด เศรษฐบุตร) ได้ยื่นเรื่องขอจัดตั้งบริษัทผลิตเบียร์ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๗๓ โดยจะใช้ปลายข้าวในการผลิตแทนข้าวมอลต์ ส่วนตัวโรงงานนั้นได้ถูกสร้างขึ้นภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. ๒๔๗๖ ในย่านบางกระบือ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้ชื่อบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และทำการผลิตเบียร์ออกจำหน่ายครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ภายใต้เครื่องหมายการค้า ตราหมี ตราสิงห์แดง ตราสิงห์ขาว ตราแหม่ม ตราพระปรางค์ทอง ตราว่าวปักเป้า ตรากุญแจ ตรารถไฟ และ ที่ยังคงอยู่จนปัจจุบันนี้คือ ตราสิงห์
กว่า 1,000 ปีมาแล้ว ชนเผ่าหนึ่งซึ่งรู้จักกันในนามชาวชุคชิ ได้อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งอาร์คติคทางตอนเหนือของไซบีเรีย ดินแดนที่มีแต่ฤดูหนาวอันทารุณ ทำให้ทุกชีวิตต้องเผชิญกับความท้าทายในแต่ละวันเพื่อการดำรงชีวิต มันคือที่ซึ่งสุนัขชุคชิ หรือบรรพบุรุษของสุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้ ในทุกวันนี้ถือกำเนิดมาจากการผสมพันธุ์หลายต่อหลายรุ่น ชาวชุคชิได้พัฒนาสายพันธุ์สุนัขที่ตรงตามความต้องการของพวกเขามากที่สุด ถึงแม้บ้านจริงๆของพวกเขาจะอยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดิน แต่พรานชาวชุคชิก็ล่าสัตว์ตามชายฝั่งเป็นส่วนใหญ่ โดยมีแมวน้ำคือแหล่งอาหารหลักของพวกเขา การล่าสัตว์ของพวกพรานไม่ใช่เรื่องยาก เช่นเดียวกับการหาสุนัขขนาดใหญ่ที่สามารถลากของหนักๆได้ พรานชาวชุคชิกลับต้องการสุนัขที่สามารถทนและอยู่ท่ามกลางอุณหภูมิต่ำ ซึ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้เป็นเวลานานๆตลอดการเดินทาง และสุนัขที่ใช้พลังงานจำนวนน้อยที่สุดในการทำงานนั้นๆ เพราะยิ่งสุนัขใช้พลังงานในการทำงานน้อยลงเท่าไร มันก็ยิ่งมีเหลือไว้ใช้ป้องกันตัวเองจากความหนาวเย็นมากขึ้นเท่านั้น
สุนัขที่ตัวเล็กและปราดเปรียว ซึ่งว่าง่ายและฉลาดพอที่จะทำงานเป็นทีม ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เหมาะสมกับการใช้งานและสภาพภูมิประเทศมากที่สุด พวกมันต้องเป็นแรงงานที่แข็งแรง กระตือรือร้น มีไหวพริบ และเอาใจใส่ต่อหน้าที่ที่ต้องอยู่นิ่งๆในแถวของเชือก ซึ่งล่ามไว้กับเลื่อน ชาวชุคชิให้ความสำคัญกับสุนัขของพวกเขามาก พวกเขามักจะพามันเข้าไปในบ้านด้วย เพื่อให้เป็นยามเฝ้าทรัพย์สิน หรือเป็นเพื่อนเล่นกับลูกๆของพวกเขา ไม่ต้องสงสัยเลย สิ่งนี้ก็สืบเนื่องมาจากความอ่อนโยนที่อยู่ในนิสัยของสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้นั่นเอง
ลักษณะเด่นที่สำคัญที่สุดของสุนัขชุคชิคือ สัญชาตญาณและความต้องการที่จะวิ่ง ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด เพราะร่างกายที่มีขนาดปานกลางของมัน ทำให้มันสามารถวิ่งได้เร็วและไกล แต่ไม่สามารถลากของที่หนักมากๆได้ ดังนั้นจึงต้องใช้สุนัขทีมหนึ่งถึง 20 ตัว เพื่อลากสัมภาระของนายพรานในการเดินทางแต่ละครั้ง ชาวชุคชิสามารถเพาะพันธุ์สุนัขที่รวมเอาลักษณะเด่นเหล่านี้ไว้ได้ทั้งหมด และสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้ในทุกวันนี้ก็สืบเชื้อสายมาจากพวกมัน
ชะตากรรมของสุนัขชุคชิ และต้นกำเนิดของสายพันธุ์สุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้ เกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ของประเทศรัสเซียในยุคแรกๆ 2-3 เหตุการณ์ ในคริสศตวรรษที่ 18 ชาวรัสเซียเชื้อสายคอสแซคเริ่มรุกรานเข้ามาในไซบีเรีย เพื่อยึดครองดินแดนและแหล่งล่าสัตว์ทั้งหมด ผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบเหนือนี้ ส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าพื้นเมือง ซึ่งไม่สามารถต่อกรกับอาวุธที่ทันสมัยของกองทัพรัสเซียได้ อย่างไรก็ตาม ชาวชุคชิสามารถเอาชนะได้หลายครั้ง เพราะสุนัขลากเลื่อนของพวกเขา ช่วยให้พวกเขาหนีรอดจากกองทัพที่แข็งแกร่งไปได้เสมอ ถึงแม้พวกเขาจะสู้ไม่ได้ แต่พวกเขาก็หนีได้อย่างรวดเร็ว ชาวชุคชิคุ้นเคยกับสภาพอากาศของไซบีเรีย แต่ทหารรัสเซียไม่ และต้องพบกับความปราชัยครั้งใหญ่
ชาวชุคชิกดดันพวกคอสแซค ให้ละทิ้งความพยายามที่จะยึดครองดินแดนแถบเหนือทั้งหมดของไซบีเรีย พวกเขาหลอกล่อกองกำลังรัสเซียไปทางช่องเขา ที่ซึ่งทางหนีทุกเส้นทางถูกปิดตาย โดยใช้เพียงหินคมๆและหอก ชาวชุคชิทำให้พวกรัสเซียต้องล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่อมาก็ได้ล่าถอยไปจากดินแดนแถบนี้ ชาวชุคชิและสุนัขของพวกเขาอาศัยอยู่ในไซบีเรียอย่างสงบสุขเป็นเวลานานหลังจากการปะทะกันครั้งนั้น ใกล้กับคริสศตวรรษที่ 19 สุนัขชุคชิถูกค้นพบโดยพ่อค้าชาวอะลาสก้า ซึ่งนำมันไปยังดินแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือและตั้งชื่อมันใหม่ว่า “สุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้” ซึ่งการนำมันไปในครั้งนั้น ต่อมาได้กลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่งต่อการดำรงอยู่ของ สุนัขสายพันธุ์นี้
ตอนต้นคริสศตวรรษที่ 19 ระบอบกษัตริย์ในประเทศรัสเซียถูกโค่นล้ม และถูกแทนที่โดยระบอบคอมมิวนิสต์ ซึ่งต้องการกำจัดชนชั้นกลางและชั้นสูงออกจากวิถีชีวิตของชาวรัสเซีย ในช่วงปี ค.ศ.1930 ลัทธิคอมมิวนิสต์ได้แผ่ขยายไปถึงอาร์คติคเหนือ เพราะสุนัขชุคชิเป็นที่รักและต้องการยิ่งของชาวชุคชิ คนในเผ่าซึ่งสามารถเพาะและมีสุนัขที่ดีที่สุด จะได้รับตำแหน่งผู้นำและสมบัติมีค่ามากมาย คนเหล่านั้นถูกมองว่าเป็นอุปสรรคต่อการสร้างกองทัพ และส่วนใหญ่จะถูกจำคุกหรือถูกประหาร ภายในเวลาไม่กี่ปีสายพันธุ์สุนัขชุคชิทั้งหมดก็หายไปจากไซบีเรีย